ถ้าไม่ได้รับทุนก็คงไม่ได้มาเรียนสถาปัตย์ เพราะคณะนี้ค่างานแพงกว่าค่าเทอมครับผม พอได้รับทุนก็เลยได้ทำตามความฝันจนสำเร็จมาจนถึงวันนี้ครับ
“ตาม ปิยะพงษ์ บังศรี”
นักเรียนทุน รุ่นที่ 14/2555
⏩ เล่าเรื่องราวย้อนอดีต
ก่อนที่จะได้รับทุนจากมูลนิธิดำรงชัยธรรม ช่วงก่อนมารับทุนที่บ้านมีฐานะยากจนมากครับ หนทางที่จะเรียนต่อก็พอมี แต่ไม่รู้ว่าที่จะบ้านจะส่งได้ถึง เท่าทุกวันนี้ไหม อาชีพเกษตรกรที่บ้านทำอยู่ก็ได้ไม่ดีเท่าไหร่ และมีภาระหนี้สินมาก รายจ่ายที่จะมาใช้ในการศึกษาก็ต้องเอามาใช้จ่ายหรือลงทุนในการทำมาหากินก่อน อีกทั้งบ้านที่ผมอาศัยอยู่ในปัจจุบันก็เป็นบ้านพ่อเลี้ยง ซึ่งตอนนั้นผมก็พึ่งเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ได้ไม่นาน เพราะพ่อแม่ผมหย่าร้างกัน ผมเลยมาอยู่กับแม่ที่ขอนแก่น(แม่แต่งงานใหม่) การที่เราจะทำอะไรหรือเรียกร้องอะไรในบ้านหลังนี้เห็นทีก็คงจะไม่ได้ไปทั้งหมดซะทีเดียว เพราะผมเองก็มีแค่มีแม่ สุดท้ายผมก็ได้รับโอกาส เมื่อคุณครูที่โรงเรียนผมได้เอาใบสมัครทุนมาให้ ซึ่งตอนนั้นจำได้ เขียนเรียงความ 3 ฉบับ ประกอบกับถ่ายรูปบ้านและ วีดีโอ ซึ่งตอนนั้นผมไม่คิดว่าจะผ่านรอบคัดเลือก จนในที่สุด ความหวังเริ่มมาแล้วคือผ่านคัดเลือกครับ และมี พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ มาสัมภาษณ์ผม ทั้งที่บ้านและโรงเรียน วันนั้นตื่นเต้นด้วย และเผลอร้องไห้ด้วย ยังจำได้ดี และผ่านไปสักพักผมก็ได้เดินทางเข้ากรุงเทพ ไปเข้าค่าย คัดเลือกนักเรียนทุนตอนนั้นเหมือนจะมี สัก 50 คน ถ้าจำไม่ผิด ผมอยู่ ม.3 จะเข้า ม.4 และก็เป็นครั้งแรกที่เข้า กรุงเทพฯ โดยมีอาจารย์มาส่ง ที่หมดชิต บอกเลยตื่นเต้นมากครับ กลัวด้วยเพราะมา กรุงเทพฯ ครั้งแรก และพี่ ๆ นัดเจอผมที่หมอชิต จำได้ พี่ ๆ เจ้าหน้าที่มารับ เอาขนมครกมาเลี้ยง อีกทั้งยังมีนัดเจอนักเรียนทุนอีกหลายครั้ง และก็ไปที่ออฟฟิศ จีเอ็มเอ็ม ตอนนั้นตื่นตาตื่นใจมากครับ และแล้วก็ทำกิจกรรม เหมือนให้ผมฝึกเดินทางในกรุงเทพฯ ด้วยงบประมาณ 320 บาท นี่แหละไปกลับผมได้แถววัดพระแก้วและก็ทำกิจกรรม ตามที่กำหนด คือ ทำท่าประหลาด ๆ และถ่ายรูปมาส่ง โดยเดินทางกันเอง บริหารจัดการกันเอง เงินและใครมาถึงก่อนเงินเหลือคือผู้ชนะ ด้วยความที่เป็น เด็กบ้านนอกคอกนา งงสิครับไปไง แต่ก็ทำภารกิจเกือบสำเร็จ และได้ทานอาหารอย่างดี สิ่งหนึ่งที่ผมไม่กล้าและทำไม่ได้คือความกล้าแสดงออกเหมือนคนอื่น ๆ มีกิจกรรมให้ร้องเพลงคนอื่นร้องได้ แต่ผมร้องไม่ได้เลยครับ ตื่นเต้น สุดท้ายค่ายก็ผ่านพ้นไป จนประกาศใครที่ได้เป็นนักเรียนทุน ปรากฏว่าหนึ่งในนั้นมีผมโคตรดีใจเลยครับ พอคิดถึงแล้วก็รู้สึกดีทุกครั้ง ถ้าไม่ได้รับทุนก็คงไม่ได้มาเรียน สถาปัตย์ เพราะคณะนี้ค่างานแพงกว่าค่าเทอมครับผม พอได้รับทุนก็เลยได้ทำตามความฝันจนสำเร็จมาจนถึงวันนี้ครับ
⏩ ความรู้สึกครั้งแรก ตอนที่เข้ามาเป็นนักเรียนทุน ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร…?
ตื่นเต้นและดีใจมากๆครับเพราะตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้ ตอนได้รับคัดเลือกนักเรียนทุนมูลนิธิก็มีกิจกรรมให้ทำมากมาย จิตอาสา และกิจกรรมที่ทำให้เรากล้าแสดงออก บอกเลยแรก ๆ เขินและตื่นเต้นมาก รวมทั้งเป็นการไปกรุงเทพฯ ครั้งแรกด้วยครับ
ตอนนั้นเข้ารับคัดเลือกนักเรียนทุนรุ่นที่ 14 ปี 2555 ผมกำลังจะขึ้น ม.4 พอดี เมื่อได้รับโอกาส ตื่นเต้นยิ่งกว่า เราเริ่มเห็นฝันแล้วว่าจะเป็นจริงคือการได้เรียนต่อปริญญาตรีเลยมีแรงบันดาลใจในการสอบสถาปัตย์และประสบความสำเร็จจนมีวันนี้
⏩ มีความประทับใจ…ต่อการเข้ามาเป็นนักเรียนทุนของมูลนิธิ?
การที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิ ไม่ได้เข้ามาแค่รับทุนและเรียนให้จบไปตามที่ได้รับ แต่การที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี้กับทำให้ผมได้เข้าใจว่าที่นี้คือครอบครัวจริง ๆ และพร้อมที่จะให้คำแนะนำและรับฟังเสมอ ช่วยเหลือกันทุกเมื่อที่พบเจอ และมากกว่าทุนการศึกษาที่ให้ก็คือความเป็นครอบครัวที่สุด จะบรรยายซึ่งตลอด 8 ปี ที่ผ่านมา ที่นี้คือบ้านของผมอีกหลังที่ผมรู้สึกว่า เราต้องคุยกันอย่างน้อย เดือนละครั้งตามจดหมาย แต่เชิงปฏิบัติ คุยกันทุกสัปดาห์เลยครับ จนบางครั้งจดหมายไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี เพราะคุยกันไปหมดแล้ว ที่แห่งนี้คือความรักของผม
⏩ สิ่งที่อยากฝากอยากบอกถึงน้องรุ่นหลัง ๆ
พี่อยากจะบอกว่าขอให้น้องรุ่นหลังตั้งใจ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่ารุ่นหลังมานี้เราแทบจะไม่ได้พบเจอกันเลย แต่พี่ขอบอกเลยว่าที่แห่งนี้คือครอบครัวเรา แบบครอบครัวจริง ๆ ที่ทุกคนพร้อมที่จจะรับฟังได้ทุกเมื่อ ที่มากกว่าแค่คุยผ่านจดหมายประจำเดือนที่ส่ง ขอให้น้องเปิดใจ ที่แห่งนี้ยังเป็นบ้านที่อบอุ่นให้เราเสมอมา