“ เราจะไม่ใช่แค่โตได้ แต่เราทุกคนจะต้องโตดี
จะสานต่อเจตนารมณ์ของคุณพ่อ คือ เผื่อแผ่ และเอื้ออาทรไปยังคนอื่นที่ด้อยโอกาสต่อไปอีกค่ะ ”
นัท เสาวลักษณ์ ทองอ้วน
นักเรียนทุน รุ่นที่ 14/2555
ก่อนได้รับทุน
ก่อนที่จะได้รับทุน ชีวิตค่อนข้างลำบากมากค่ะ ตั้งแต่จำความได้ก็อยู่กับแม่สองคนมาตั้งแต่เด็ก ส่วนพี่สาวแต่งงานแยกไปมีครอบครัว
ของตัวเอง พี่ชายไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ แม่ส่งเสียให้เรียนคนเดียวมาตลอด พอมองย้อนกลับไป รู้สึกทึ่งมาก ว่าทำไมผู้หญิงตัวคนเดียวแบบแม่ถึงสามารถส่งหนูเรียนจนถึงชั้นม.3 ได้ เพราะในความเป็นจริงมันยากมาก หากคนภายนอกมองมาจะรู้ดีว่าครอบครัวเราจนมาก แม่รับจ้างทุกอย่างที่คนมาว่าจ้าง ดำนา เกี่ยวข้าว เก็บพริก ดายหญ้า ใส่ปุ๋ย สารพัดที่จะทำได้ ถ้าว่างเสาร์-อาทิตย์ ก็จะไปกับแม่ตลอด
หนูไม่เคยอายที่ครอบครัวตัวเองจน แต่หนูภูมิใจที่ได้วิชาการเอาตัวรอดจากแม่มา แค่รู้สึกว่าเราไม่ควรจะลำบากมากขนาดนี้ วันหนึ่งหนูจะต้องทำให้แม่สบายให้ได้ พอใกล้จะเรียนจบชั้น ม.3 เพื่อนๆ แต่ละคนต่างก็มองหาที่เรียนต่อในระดับชั้น ม.ปลาย ตอนนั้นเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะได้เรียนไหม เพราะเรารู้ดีว่าฐานะทางบ้านไม่ดี แม่คงไม่มีกำลังที่จะส่งต่อได้ แต่ในใจก็แอบหวังว่าจะได้มีโอกาสเรียนต่อ และแล้วก็เหมือนเป็นโชคชะตา ขณะที่กำลังหมดหวังไม่รู้ว่าจะเดินทางไหนต่อดี ก็มีทุนของมูลนิธิดำรงชัยธรรมเข้ามาพอดี ด้วยความเป็นเด็กกิจกรรม เรียนก็ค่อนข้างดี คุณครูก็เลยเห็นว่าเราน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ เลยเอาใบสมัครมาให้ ตอนนั้นรู้สึกว่า ยังไงก็ต้องได้เรียนต่อ เราจะต้องไม่ยอมแพ้ เพราะสิ่งเดียวที่จะทำให้ครอบครัวสบายได้ คือ หนูต้องมีการศึกษา
หลังได้รับทุน
เงินทุนช่วยได้มากถึงมากที่สุด ตอนอยู่ ม.ปลาย ได้เดือนละ 1,500 บาท ด้วยความที่เป็นโรงเรียนประจำอำเภอ ค่าใช้จ่ายก็เลยไม่มาก
หักค่ากิน ค่ารถ ค่าเอกสาร ค่าของใช้ส่วนตัว บางเดือนมีเงินเหลือเก็บ 100-200 บาท แต่บางเดือนไม่พอก็ได้เอาเงินเก็บมาใช้ จนสามารถจบ ม.ปลายได้ พอเข้ามหาวิทยาลัย ได้เดือนละ 5,000 บาท หักค่าห้องไป 1,500 บาทเหลือ 3,500 บาท ยอมรับเลยว่าบางเดือนก็พอ บางเดือนก็ไม่พอ ค่าใช้จ่ายเริ่มมากขึ้น เริ่มทำงานพิเศษ สอนพิเศษบ้าง ขายน้ำปั่น แจกใบปลิว พิมพ์งานรับจ้างสารพัด ทำให้หนูรู้ว่าเงินทุกบาทมีค่า กว่าจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คนที่ให้ทุนเราจะได้รู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่ให้ทุนเรา หากไม่มีเงินทุนหนูก็ไม่รู้เลยค่ะว่าจะเป็นอย่างไร ต้องลำบากมากแน่ๆ และก็คงมาถึงวันนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีเงินทุนจากมูลนิธิฯ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ คุณไพบูลย์เป็นเหมือนพ่อคนหนึ่งของหนู เด็กผู้หญิงต่างจังหวัดคนหนึ่ง มีโอกาสได้เรียนต่อจนจบปริญญาตรี ก็เพราะคุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม เราจะไม่ใช่แค่โตได้ แต่เราทุกคนจะต้องโตดี จะสานต่อเจตนารมณ์ของคุณพ่อ คือ เผื่อแผ่ และเอื้ออาทรไปยังคนอื่นที่ด้อยโอกาสต่อไปอีกค่ะ