“ ตอนนี้หนูเติบโตเป็นกล้าไม้ที่สมบูรณ์แข็งแรง พร้อมจะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้สังคม
และพร้อมจะสานต่อเจตนารมณ์ของคุณพ่อต่อไป ”
ศรี อรวรรณ พรมรักษ์
นักเรียนทุน รุ่นที่ 16/2557
ก่อนได้รับทุน
หนูเป็นคนจังหวัดน่าน พื้นฐานฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวยากจน มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันจำนวน 3 คน พี่ชายและน้องชายบวชเรียน ส่วนตัวหนูเองนั้นต้องรับจ้างวันเสาร์-อาทิตย์ หางานพิเศษทำ เพื่อหารายได้ส่งตัวเองเรียน อาทิ ตัดใบตองตามป่ามาขาย รับจ้างซักผ้า รับจ้างหักข้าวโพด รับจ้างทำเกษตรกรรมต่างๆ เป็นต้น อดมื้อกินมื้อบ้าง จนกระทั่งชีวิตเข้าเข้าสู่วงการกรีฑา ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จะออกไปแข่งขันวิ่งเพื่อล่าเงินรางวัล บางครั้งได้บ้างไม่ได้บ้างสลับกันไป เงินรางวัลที่ได้มาใช้จ่ายในการเรียนได้บางส่วน
พอขึ้นชั้น ม.4 ได้กู้ยืมเงิน กยศ. และยังคงทำกิจกรรมต่างๆ ตามเดิม แต่รายได้ที่ได้มานั้นก็ไม่เพียงพอสำหรับที่จะใช้ในการเรียนต่อระดับปริญญาตรี และพ่อแม่คงไม่สามารถส่งเรียนได้เพราะลำพังค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของครอบครัวยังติดๆ ขัดๆ ทั้งยังมีหนี้สินอีกมากมาย ตอน ม.6 มีความใฝ่ฝันอยากเป็นครูพลศึกษา แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะหาเงินที่ไหนมาเรียนต่อ จนกระทั่งครูแนะแนว ได้แนะนำให้ขอรับทุนการศึกษาจากมูลนิธิดำรงชัยธรรม หนูได้รับความช่วยเหลือและคำแนะนำจากคณะครู และเพื่อนจนได้รับทุนการศึกษา
หลังได้รับทุน
การได้รับทุนในครั้งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิตหนู คือ ได้ศึกษาจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยไม่ต้องเป็นภาระของครอบครัว และได้เข้าร่วมโครงการครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เพราะได้รับเงินทุนจากมูลนิธิดำรงชัยธรรม ตลอดจนแนวทางการดำเนินชีวิต
ใน มูลนิธิฯ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่ดีมาก ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หนี้สินภาระที่มีค่อยๆ ลดลง ฐานะเศรษฐกิจของครอบครัวดีขึ้นเป็นลำดับ หนูเก็บเงินทุนบางส่วนที่เหลือรวมกับเงินที่หาได้จากการทำงาน แบ่งให้ทางบ้านทุกเดือน เดือนละ 1,000 บาท เดือนไหนที่มีรายได้มากหน่อยก็จะให้เพิ่ม พ่อแม่ก็ได้เก็บเงินเหล่านี้ไปใช้หนี้ที่ติดค้างไว้ทั้งในระบบและนอกระบบ ภาระหนี้สินลดลง จนตอนนี้หนูกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว หากเกิดปัญหาหรือเหตุการณ์ที่ตัดสินใจไม่ได้ทางบ้านมักจะให้หนูเป็นคนตัดสินใจ ขณะเดียวกันหนูได้แนะนำให้พ่อกับแม่ใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อจะลดค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ ของครอบครัว นอกจากนี้หนูกลายเป็นผู้นำของกลุ่มนักศึกษาสาขาพลศึกษา ผู้นำของชมรมกรีฑา เป็นผู้ดูแลและควบคุมทีมนักกรีฑาของมหาวิทยาลัย และเป็นแบบอย่างของน้องๆ
ที่มหาวิทยาลัย ซึ่งเขาชื่นชมในตัวหนูและเดินตามทางที่หนูสอนไว้ หนูกลายเป็นแบบอย่างของน้องๆ เพราะหนูได้พิสูจน์ว่าการเรียน การทำกิจกรรม และการเล่นกีฬา สามารถไปด้วยกันได้ หากเรารัก สนใจ และแบ่งเวลาเหล่านั้นให้ถูก หนูขอขอบพระคุณคุณพ่อ ไพบูลย์เป็นอย่างสูง ที่มอบโอกาสให้เด็กบ้านนอกคนนี้ได้รับการศึกษาและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ตอนนี้หนูเติบโตเป็นกล้าไม้ที่สมบูรณ์แข็งแรง พร้อมจะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้สังคม และพร้อมจะสานต่อเจตนารมณ์ของคุณพ่อต่อไป