“ ถ้ามีโอกาส จะมอบโอกาสให้กับคนที่ไม่มีเหมือนหนู
เพราะหนูรู้ว่าโอกาสสำคัญมากกับบางคนที่เขาไม่มีอะไรเลย ”
อัง อังคณา ระกาพันธ์
นักเรียนทุน รุ่นที่ 16/2557
ก่อนได้รับทุน
หนูเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่เรียนจบจากโรงเรียนเล็กในหมู่บ้าน ทุกวันหยุดแม่จะพาไปทำงานตัดอ้อย หวดหญ้าในดงอ้อย พอเรียนจบขึ้น
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย แม่ก็เปลี่ยนมาทำงานรับจ้างในไร่ผัก เพราะเรามีมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเองแล้ว ไม่ต้องรอเถ้าแก่มารับไปตัดอ้อยอีกเหมือนแต่ก่อน ทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หนูจะต้องออกไปทำงานรับจ้างเก็บดอกกุยช่ายกับแม่ตลอด ออกเดินทางประมาณ 6 โมงเช้า ถึงที่ไร่ผักประมาณ 7 โมง วันหนึ่งเก็บได้ประมาณ 30 กิโลกรัม ถ้าวันหยุด มีหนูไปด้วยแม่จะได้เยอะหน่อย หรือบางช่วงดอกกุยช่ายไม่ออก หนูกับแม่ก็จะรับจ้างถอนหญ้าแทน จ้างเป็นชั่วโมง ชั่วโมงละ 25 บาท บางครั้งเงินไม่พอกับค่าใช้จ่าย หนูก็ต้องหยุดเรียนไปทำงาน แต่ก็บอกกับเพื่อนๆ ให้จดงานไว้ให้ด้วย จะได้ตามงานถูก ตอนนั้นเหนื่อยมาก หยุดโรงเรียนบ่อย ตามงานไม่ค่อยทัน พอจบ ม.3 แม่ไม่อยากให้เรียนต่อ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม หนูเสียใจมาก แต่ก็เข้าใจแม่
ตอนนั้นหนูได้เขียนขอทุนมูลนิธิดำรงชัยธรรมไป แต่รอบนั้นไม่ผ่านการคัดเลือก ครูที่โรงเรียนสงสารเลยออกค่าเทอมให้ เพราะค่าเทอมโรงเรียนหนูตอนนั้นไม่แพงมาก พันกว่าบาท แล้วครูก็ช่วยหาค่าอาหารกลางวันให้ แต่หนูขอเป็นค่ารถประจำทางแทน เพราะตอนนั้นหนูห่อข้าวไปกินที่โรงเรียนอยู่แล้ว โดยในทุกวันที่ไปโรงเรียนแม่จะให้เงินไปโรงเรียนวันละ 20 บาท บางวันไม่มีหนูก็ไปยืมเพื่อนบ้าง พระอาจารย์ที่โรงเรียนเห็น เขาก็ให้เงินหนูเอาไปใช้ไว้กินบ่อยๆ ครูก็ให้ข้าวสารไปหุงบ้าง ชีวิตตอนนั้นแม่รับภาระเองคนเดียว พ่อของหนูช่วงนั้นเขาติดเหล้าหนักมาก บางครั้งไม่กลับบ้าน 3 วัน กลับมาก็มีปากเสียงกับแม่ตลอด ตอนนั้นชีวิตเหมือนละคร ลำบากมาก บางครั้งกลับมาจากโรงเรียนนั่งรอแม่ที่บ้าน ก็เคยแอบร้องไห้คนเดียว บางครั้งมันท้อมาก หนูพยายามหากำลังใจจากทุกอย่าง พยายามตั้งใจเรียน มีทุนอะไรมาก็เขียนขอไปทุกอย่าง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ พอถึงช่วง ม.6 หนูรู้ว่าทุนมูลนิธิดำรงชัยธรรม จะมีช่วงตอน ม.3 และม.6 รอบนี้หนูเลยเขียนไปใหม่ พยายามและตั้งใจมาก เพราะมันคือความหวังในการเรียนต่อของหนู ครูที่โรงเรียนก็ช่วยทุกอย่าง ส่งเอกสารให้ดูรายละเอียด ตรวจสอบเรียงความให้ พอถึงวันประกาศผล ครูเรียกมาฟังบอกว่าผ่านรอบแรกหนูดีใจมาก กลับไปบอกแม่ แม่ร้องไห้ มันเหมือนเรามีความหวังอีกครั้ง
หลังได้รับทุน
สำหรับทุนมูลนิธิดำรงชัยธรรมเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ที่แสนอบอุ่น และใจดีกับเด็กคนนี้มาก ทุกอย่างที่คุณพ่อไพบูลย์มอบให้มันเหมือนต่อชีวิต และความหวังให้กับเด็กคนนี้ เงินทุกบาทมันมีคุณค่าสำหรับหนูมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าเทอม เทอมละหมื่นกว่าบาท ถ้าให้หนูหาเองก็คงไม่มีปัญญา เงินหมื่นสำหรับบางคนอาจจะมองว่าน้อย แต่สำหรับชาวบ้านอาชีพรับจ้างมันเยอะมาก ค่ากินทุกเดือนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ค่าเช่าหอพัก ทุกอย่างสำหรับตัวหนูเองและครอบครัวคงไม่สามารถทำได้แน่ ทุกสิ่งที่ทางมูลนิธิฯ มอบให้มันคือสิ่งที่มีค่าที่สุด ถ้าหนูไม่ได้รับโอกาสในครั้งนั้น ก็คงไม่มีหนูในวันนี้ วันที่เรียนจบครู หนูสัญญาว่าจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เป็นคนดีในสังคม และถ้ามีโอกาสจะมอบโอกาสให้กับคนที่ไม่มีเหมือนหนู เพราะหนูรู้ว่าโอกาสสำคัญมากกับบางคนที่เขาไม่มีอะไรเลย อยากจะขอบคุณคุณพ่อไพบูลย์ ที่มอบโอกาสให้กับเด็กคนนี้ คนที่พื้นฐานครอบครัวไม่มีอะไรเลย จนสามารถเรียนจบ มีอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้ อยากกอดสักครั้ง เพราะหนูเองก็คิดว่าคงตอบแทนบุญคุณไม่หมด แต่หนูสัญญาว่าจะเป็นครูที่ดีในสังคม