นายธัชชิต ขวัญดวงใจ (โอ)
นักเรียนทุน รุ่นที่ 15/2556
ปริญญาตรีชั้นปีที่ 3 สาขาออกแบบสื่อสาร วิชาเอกออกแบบมัลติมีเดีย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ภาคพายัพ เชียงใหม่
ผมชอบทำสื่อครับ เพราะผมอยากจะเล่าเรื่องในหัวให้ออกมาเป็นภาพ มันคงจะดีต่อใจและต่อตัวเราเองนะครับ หากได้ทำหรือเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองชอบและให้ความสนใจ ซึ่งผมคิดว่าตัวผมเองมาถูกทางแล้ว
ตอนเริ่มต้นเรียนปีหนึ่ง ผมเรียนเรื่องพื้นฐานทางศิลปะ คือ ต้องรู้ว่าจุด เส้น รูปร่าง และรูปทรง เป็นอย่างไรและให้ความรู้สึกอย่างไร เพราะยุคสมัยนิยมของศิลปะ มีความโดดเด่นและสวยงามแตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังต้องเรียนเรื่องการ Drawing หนักมาก ฝึกวาดกันจนมือเป็นตะคริว (5555) ซึ่งหากงานของใครทำออกมาสวย ก็จะได้โชว์ให้รุ่นพี่ชมด้วย โดยรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
ต่อมาพอเป็นพี่ปีสอง ผมก็รักน้องปีหนึ่งจังเลย เฮ้ย! ไม่ใช่ ปีนี้ผมได้เลือกวิชาเอก เพื่อที่จะเรียนแบบเจาะลึกมากขึ้นครับ โดยจะมีเอกมัลติมีเดียและเอกนิเทศศิลป์ ผมได้เรียนเรื่อง Theory of color เช่น ถ้าเอาสีแดงไปผสมกับสีน้ำเงินจะออกมาเป็นสีอะไร ถ้าสีนั้นคู่กับสีนี้แล้วจะเป็นกลุ่มสีอะไร โดยแต่ละสีจะให้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป ผมได้เรียนออกแบบโปสเตอร์ ไปจนถึงการถ่ายภาพ เรียนรู้เรื่องการเขียนบท วาด Story board กำหนดขนาดมุมกล้อง ทั้งมุมต่ำและมุมสูง ว่าจะให้ความรู้สึกอย่างไร มุมกล้องกว้าง ไกล หรือใกล้ ใช้สำหรับเล่าเรื่องตอนไหน รวมทั้งได้เรียนรู้การตัดต่อวีดิโอ และวาดรูปคน สัตว์ สิ่งของ ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์
พอขึ้นปีสาม เริ่มเรียนเจาะลึกเรื่องโปรแกรมในคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ครับ เช่น การวิเคราะห์และประเมินสื่อหลายๆ ประเภท การกำหนดราคาค่างานออกแบบ การปั้นสัตว์ประหลาดในโปรแกรม 3D สร้างเครื่องบิน และเครื่องใช้ต่างๆ ด้วยโปรแกรม 3D max การวาดการ์ตูน และทำ Animation ไปจนถึงการทำ Sticker Line จาก Character ของอาจารย์ผู้สอน
ซึ่งปีสามจะเรียนไม่เยอะเท่ากับช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่มีงาน Project เยอะมาก (5555) เราในฐานะ “นักศึกษา” ไม่ใช่นักเรียนที่จะให้อาจารย์มาป้อนความรู้ทั้งหมดให้ สิ่งสำคัญคือต้องมั่นใจ ใฝ่เรียนรู้ และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา โดยต่อยอดจากสิ่งที่ตนเองสนใจ เช่น งาน Event หรือ Workshop ต่างๆ ก็ควรสนใจนะครับ เพราะเมื่อเราทำผลงานแล้วส่งไปประกวด ก็จะได้ผลงานมาเก็บไว้เป็น Portfolio เผลอๆ ก็อาจจะได้รางวัลจากการประกวดด้วยนะ
ผมชอบดูหนังและทำหนังครับ ผมอยากเป็นผู้กำกับ เพราะด้วยนิสัยเฉพาะตัวแล้ว ผมค่อนข้างจะตั้งใจว่าอยากให้ผู้ชมได้เห็น และได้รับอะไรจากสิ่งที่กำลังดู ซึ่งผมเคยได้รับโอกาสจากรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้ว ให้เข้าไปทำงานในกองถ่ายทำภาพยนตร์ใหญ่ โดยให้ไปเก็บภาพเบื้องหลังการถ่ายทำ ผมได้เห็นกระบวนการทำงานในกองถ่ายทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นแต่เช้าไปหา Location สวยๆ กับทีมงาน และถ่ายตอนพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่มีอากาศหนาวๆ ในป่า มันสนุกดีครับ เหมือนใช้ชีวิตได้คุ้มดี เมื่อชอบหรืออยากทำอะไร ผมก็จะหาโอกาสไปศึกษาการทำงานจริงๆ เพื่อให้รู้ว่านั่นคือสิ่งที่เราชอบจริงๆ
นอกจากนี้ ผมตระหนักในเรื่องของภาษาอังกฤษมาตลอดครับ อยากพูดคล่องเหมือนเจ้าของภาษา แต่ถ้าจะให้เสียเงินไปลงเรียนที่สถาบันภาษา ราคาค่าเรียนมันก็แพงเกินกว่าที่จะจ่ายไหว ผมก็เลยเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวที่มีอยู่ โหลดโปรแกรมฝึกภาษามาใช้ และใช้เวลาวันละ 1 ชั่วโมง เพื่อเรียนภาษา โดยจดคำศัพท์ แปะโน้ตไว้เต็มห้อง และพูดกับตัวเองในกระจกเป็นภาษาอังกฤษ ไปจนถึงออกไปคุยกับฝรั่งตัวเป็นๆ แม้พูดได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ผมไม่อายที่จะพูดผิดครับ เพราะฝรั่งบอกกับผมว่า “If you had speak more mistake, you will have learning more” ผมฝึกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสำเนียงผมเริ่มได้ เรือเล็กของผมมันห่างออกมาจากฝั่งพอสมควรแล้วครับ
จนผมได้เปิดบ้านให้ที่พักกับนักท่องเที่ยว ที่อยากมาเที่ยวบ้านเรา แต่ไม่อยากเสียเงินค่าที่พัก พร้อมไปรับ ไปส่ง พาเที่ยว และแนะนำวัฒนธรรมทางภาคเหนือ ทั้งความเชื่อเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ เท่าที่ทำได้ ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องของการเรียนรู้ภาษาครับ เพราะพออยู่กับฝรั่งจริงๆ สมองเราจะคัดกรองคำศัพท์ที่มีอยู่ในหัวออกมาใช้ ทำให้ความสามารถด้านการสนทนาภาษาอังกฤษ พัฒนาได้เร็วแบบก้าวกระโดดเลย
สิ่งที่ผมได้รับจากการฝึกภาษาอังกฤษก็คือ เกิดมาชาตินี้ได้เห็นโลกกว้างขึ้น เห็นโอกาสมากขึ้น มีหลายๆ สิ่งที่อยากจะทำเยอะขึ้น ที่สำคัญมี Contact กับเพื่อนชาวต่างชาติ ถ้าได้ไปต่างประเทศก็คงจะง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากมหาวิทยาลัย คือความรับผิดชอบต่อตนเองครับ คนเราพอยิ่งโตขึ้น เราจะตระหนักได้ว่า แต่ละคนมันก็มีหน้าที่ของตัวเองที่จะต้องรับผิดชอบ โลกเราสมัยนี้ถ้ายังอยู่แต่ใน Comfortable Zone ไม่กล้าออกไปผจญภัย เพราะกลัวนู่น กังวลนี่ ผมบอกได้คำเดียวเลยครับ “เหนื่อยเน้อ” ลยครับ ตาย.ค่าประสบการณ์มาแพง555555+าดูถูกเหมอนแต่ก่อนๆ สนุกดีครับ ลุยองถ่ายทุกอย่าง ตื่นแต่เช้าไปหา ซวเขาพูดไม่ได้เลย ฮ่าๆ ะนั
ความฝันของผมคือ ชีวิตนี้ต้องรู้อย่างน้อย 3 ภาษา ได้เรียนต่อสูงๆ ทำงานที่ตัวเองชอบ เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ให้สบาย เพราะผมจ่ายค่าประสบการณ์มาแพง (55555)
นักท่องเที่ยวที่มาพักด้วย